วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 7

Awful word
คำที่แย่มากๆ


Daniel and Jessica, young couple, got married and went happily on their honeymoon. When they got back, Jessica immediately 'phoned her mother and her mother obviously asked, 'How was the honeymoon, dearest?
แดเนียลและเจสสิก้า คู่สมรสหนุ่มสาวแต่งงานและไปฮันนี่มูนกันอย่างมีความสุข เมื่อกลับมาเจสสิก้าก็รีบโทรศัพท์มาหาแม่ทันที และแม่ของเธอก็สอบถามว่าฮันนี่มูนเป็นอย่างไรบ้าง

'Oh, Ma,' she replied, 'the honeymoon was wonderful. So romantic...'
โอ แม่ขา ฮันนี่มูนแสนจะวิเศษมาก ช่างโรแมนติคเหลือเกิน

Then Jessica burst out crying. 'But, Ma, as soon as we returned home Daniel started using the most ghastly language... saying things I've never heard before! I mean, all these awful 4-letter words! You've got to come get me and take me home.... Please Ma.'
หลังจากนั้นเจสสิกาก็เริ่มร้องไห้เป็นการใหญ่ “ แต่แม่ขา หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว แดเนี่ยลก็เริ่มใช้ภาษาที่แย่มากๆ อย่างที่หนูไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย คือ ทั้งหมดมันเป็นคำที่มี 4 พยางค์น่ะค่ะ แม่ต้องมาหาหนูแล้วพาหนูกลับบ้านนะคะ”

'Calm down, Jessica!,' said her mother, 'Tell me, what could be so awful? What 4-letter words?'
“ใจเย็นๆก่อนเจสสิกา บอกแม่มาซิว่าคำอะไรที่มันแย่อย่างนั้น และมี 4 พยางค์น่ะ”

Still sobbing, Jessica whispered, 'Oh, Ma...words like dust, wash, cook, and iron.'
ทั้งๆที่ยังสอึกสอื้นอยู่ เจสสิกาก็กระซิบว่า “ โอ แม่ขา ก็คำอย่างเช่น ปัดกวาด ซักผ้า ทำกับข้าว แล้วก็รีดผ้า น่ะ”

Awful - น่ากลัว แย่มาก
awful job คืองานห่วยๆ
awful teacher ครูใจร้าย ครูไม่เก่ง (คนพูดไม่ชอบ)


แถมหน่อย

Note : awful ปกติแปลว่า แย่มาก ๆ น่าเกลียดมาก ๆ หรือคุณภาพต่ำ แต่ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ (informal) awful สามารถแปลว่าเยี่ยมมากก็ได้ (แต่ตามปกติความหมายที่ดี เช่น เยี่ยมมาก ดีมาก สวยมาก จะใช้คำว่า awesome)

ถ้าใช้ awfully กับ adjective ที่มีความหมายดี เช่น
awfully glad แปลว่า ยินดีอย่างยิ่ง
awfully nice / good แปลว่า ดีมาก ๆ

ถ้าใช้ awfully กับ adjective ที่มีความหมายไม่ดี เช่น
awfully sorry แปลว่า เสียใจอย่างสุดซึ้ง
awfully dull แปลว่า โง่มาก ๆ
awfully hard แปลว่า ยาก หรือลำบาก...
awfully difficult แปลว่า ยากมาก ๆ...
awfully late แปลว่า สายสุด ๆ...

จาก : ชมรมภาษาอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศไทย

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 6

WIVES SHOULD READ

A wife arriveing home form a shopping trip was horrified to find her husband in bed with a lovely young thing. Just as she was about to storm out of the house her hasband stopped her with these words:
ภรรยาผู้ซึ่งกลับจากช้อปปิ้งนางหนึ่งสุดแสนจะตกใจที่พบสามีอยู่กับสาวสวยนางหนึ่งบนเตียงนอน ในขณะที่เธอกำลังจะผลุนผลันออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ สามีของเธอก็ขอให้เธอหยุดฟังเขาอธิบาย

Before you leave I want you to hear how this all came about. Driving down the Why I saw this young girl looking tired and bedraggled. So I stopped and brought her home. Then I made her a meal from the roast beef you had forgotten in the refrigerator. She had only some worn sandles on her feet so I gave her a pair of the good shoes you had discarded because they had gone out of style. She was cold so I gave her the sweater I bought you for your birthday that you never wore because the color didn't suit you. Her slacks were worn out so I gave her a pair of yours that were perfectly good but too small for you now.
ก่อนที่คุณจะจากไป ผมขอให้คุณฟังเสียก่อนว่าเรื่องราวนี้มันเป็นมาอย่างไร ในขณะที่ผมกำลังขับรถไปตามถนนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ผมได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีท่าทางเหนื่อยอ่อนมากและเสื้อผ้าของเธอก็เปรอะเปื้อนมอมแมม ดังนั้นผมจึงหยุดรถและพาเธอมาที่บ้าน แล้วผมก็ให้อาหารเธอด้วยเนื้อย่างที่คุณลืมไว้ในตู้เย็น เธอสวมรองเท้าเก่าๆขาดๆดังนั้นผมจึงให้รองเท้าคู่เก่าของคุณที่คุณไม่ใช้แล้วเพราะว่ามันล้าสมัย เธอหนาวมากดังนั้นผมจึงให้เสื้อสเวตเตอร์ที่ผมซื้อมาให้ในวันเกิดของคุณที่คุณไม่เคยสวมเลยเพราะว่าไม่ใช่สีที่คุณชอบ กางเกงของเธอก็ขาดผมจึงให้กางเกงของคุณที่ยังดีอยู่แต่ตอนนี้มันเล็กเกินไปสำหรับคุณแล้ว

Then as she was about to leave the house she paused and asked, "Is there anything else your wife doesn't use anymore?"
แล้วในขณะที่เธอกำลังจะออกจากบ้านไป เธอก็หยุดแล้วถามว่า “ มีอะไรอีกมั๊ยคะ ที่ภรรยาของคุณไม่ได้ใช้แล้ว”

the Why - สิ่งที่ก่อให้เกิดหรืออยู่เบื้องหลังเหตุการณ์

จาก : ชมรมภาษาอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศไทย

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 5


Once, Mulla Nasreddin was invited to deliver a khutba. When he got on the minbar (pulpit), he asked "Do you know what I am going to say?" The audience replied "NO!" So he announced "I have no desire to speak to people who don't even know what I will be talking about" and he left.
ครั้งหนึ่งครูสอนศาสนา นาเซดดิน ได้ถูกเชิญให้ไปกล่าวคำปราศัยที่สุเหร่าแห่งหนึ่ง เมื่อเขาขึ้นไปบนแท่นสำหรับปราศัยแล้ว เขาก็ถามว่า “ พวกท่านรู้ไหมว่าฉันจะพูดเรื่องอะไร’ เมื่อผู้ฟีงต่างตอบว่าไม่ทราบ เขาก็ประกาศว่า “ ฉันไม่ประสงค์ที่จะพูดกับคนที่ไม่รู้แม้แต่ว่าฉันตั้งใจจะพูดเรื่องอะไร” แล้วเขาก็จากไป

The people felt embarrassed and called him back again the next day. This time when he asked the same question, the people replied "YES!" So Mullah Nasreddin said, "Well, since you already know what I am going to say, I won't waste any more of your time" and he left.
ผู้คนต่างรู้สึกอับอายและขอให้เขากลับมาใหม่อีกครั้งในวันถัดไป คราวนี้เขาถามปัญหาเดิมอีก ผู้ฟังต่างก็ตอบว่ารู้แล้ว ดังนั้น Nasreddin ก็กล่าวว่า “ ในเมื่อพวกท่านรู้เรื่องที่ฉันจะพูดแล้ว ฉันก็จะไม่ทำให้พวกท่านต้องเสียเวลาอีก” แล้วเขาก็จากไป

Now the people were really perplexed. They decided to try one more time and once again invited the Mullah to speak the following week. Once again he asked the same question, "Do you know what I am going to say?" Now the people were prepared and so half of them answered "YES!" while the other half replied "NO!" So Mullah Nasreddin said, "The half who know what I am going to say, tell it to those who don't" and he left!
ในตอนนี้ผู้ฟังต่างพากันงงจริงๆ พวกเขาตั้งใจที่จะลองดูอีกสักครั้ง และเชิญนาเซดดินให้มาพูดอีกสักครั้งในสัปดาห์ต่อไป เขาก็ถามปัญหาเดิมอีกว่า “ พวกท่านรู้ไหมว่าฉันจะพูดว่าอะไร’ ในตอนนี้ผู้ฟังได้เตรียมตัวมาให้ครึ่งหนึ่งตอบว่ารู้ และอีกครึ่งตอบว่าไม่รู้ ดังนั้นนาเซดดินจึงกล่าวว่า “ให้ครึ่งหนึ่งที่เป็นพวกที่รู้เรื่องแล้วบอกให้กับพวกอีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่รู้เรื่องซิ” แล้วเขาก็จากไป

Perplex - ทำให้งงงวย

จาก : ชมรมภาษาอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศไทย

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 4


A blonde is sick of all the blonde jokes so she goes to hairdresser and gets her hair died brown. So this blonde is feeling really chuffed with herself so she goes for a drive in the country side. About half an hour in to this drive she comes across this farmer hearding across his sheep. The blonde gets out of her car and says "If I can guess how many sheep you have, will you give me one."
สาวผมบลอนด์นางหนึ่งให้เบื่อเรื่องตลกเกี่ยวกับสาวผมบลอนด์เต็มที เธอจึงไปทำผมให้เป็นสีน้ำตาล เธอรู้สึกพอใจตัวเองมากดังนั้นเธอจึงขับรถไปนอกเมือง จนกระทั่งได้พบชาวนากำลังต้อนแกะของเขาอยู่ สาวเจ้าจึงออกจากรถและกล่าวว่า “ ถ้าชั้นทายถูกว่าแกะของคุณมีกี่ตัว คุณจะยกแกะให้ชั้นตัวหนึ่งมั๊ยล่ะ”

"No piss off" the farmer says,
ชาวนาตอบว่า ไม่เอา ไปให้พ้น

"Oh please" the blonde pleads.
ได้โปรดเถอะ สาวผมบลอนด์อ้อนวอน

"Oh fine" The farmer replies.
ชาวนาตอบว่า งั้นก็ลองดูซิ

"152" she says.
152 ตัว

"Jesus Christ how did you know." he says.
แม่เจ้า เธอรู้ได้ยังไงน่ะ

"Lucky" She says. So she goes and picks one up and goes to her car
เธอบอกว่าเป็นเพราะโชคดีน่ะ แล้วเธอก็เข้ามาอุ้มเอาขึ้นรถของเธอไปหนึ่งตัว

and the farmer says "If I can guess what colour of hair you have can i have my dog back."
แล้วชาวนาก็พูดว่า ให้ชั้นทายมั่งมั๊ยล่ะว่าเธอมีผมสีอะไร เผื่อว่าชั้นจะได้หมาของชั้นคืนมา

piss off ไปให้พ้น

นอกจากนี้ piss off จะใช้ในความหมายว่า ออกไป, หลบไป สำหรับคนอังกฤษแท้ แต่อเมริกันจะใช้ในกรณีที่แปลว่า ถูกทำให้โกรธ หรือ รำคาญ คือ piss off someone , piss someone off.

เพื่อนอเมริกันจัดปาร์ตี้เลี้ยงเพื่อนชาวอังกฤษ พอดื่มจนได้ที่ ชาวอังกฤษก็เริ่มเมา จึงพูดว่า

English : I piss off. I 'd rather go to bed !

ปรากฏ เพื่อนๆอเมริกันทั้งหลาย ก็เงียบเสียงเชียว แถมทำหน้าแปลกๆ แต่ตอนนั้นชาวอังกฤษเมามาก ก็ไม่สนใจอะไร จนกระทั่ง วันรุ่งขึ้น เพื่อนอเมริกันคนหนึ่งอดแอบถามชาวอังกฤษไม่ได้ว่า

Amercian : Who made you angry last night ?

English : No, I just wanted to go away and go to bed because I got drunk .

Amercian : But you said you was pissed off.

English : Oh ! I meant I wanted to leave. There was no one pissed me off or made me angry at all.

จาก : ชมรมภาษาอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศไทย

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 3


Plodding through the Afghanistan desert when he saw something far off in the distance. Hoping to find water, he walked toward the object, only to find a little old Jewish man sitting at a card table with neckties laid out on it.
หลังจากที่เดินอย่างกระปลกกระเปลี้ยผ่านทะเลทรายของอัฟากานิสถานมา เขาก็ได้เห็นบางสิ่งที่อยู่ไกลๆ ด้วยความหวังว่าจะได้พบน้ำ เขาจึงเดินเข้าไปหาสิ่งนั้น แต่ก็ได้พบเพียงชายยิวร่างเล็กที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเล่นไพ่ และมีเน็คไทหลายเส้นวางอยู่

The Arab asked, "My thirst is killing me. Do you have water?"
ชาวอาหรับจึงถามว่า “ ฉันหิวน้ำจะตายอยู่แล้ว นายมีน้ำบ้างไหม”

The Jewish man replied, "I have no water. Would you like to buy a tie? They are only $150. This one goes very nicely with your robes."
ชาวยิวตอบว่า “ ฉันไม่มีน้ำหรอก แต่นายจะซื้อเน็คไทสักเส้นไหม มันราคาเพียงเส้นละ150 ดอลลาร์เท่านั้น เส้นนี้ก็เข้าชุดกับเสื้อคลุมของนายดีนะ”

The Arab shouted, "You idiot! I do not need an overpriced tie. I need water!"
ชาวอาหรับตะโกนว่า “ ไอ้ปัญญาอ่อน! ฉันไม่ต้องการไทที่โก่งราคาของแกหรอก ฉันต้องการน้ำ!”

OK," said the old Jew, "it does not matter that you do not want to buy a tie. I will show you that you have not offended me. If you walk over that hill to the east for about two miles, you will find a lovely restaurant. Go! Walk that way! The restaurant has all the water you need!"
ยิวแก่นายนั้นพูดว่า “ ไม่เป็นไร นายไม่ซื้อไทสักเส้นก็ไม่เป็นไรหรอก นายไม่ต้องโกรธฉันหรอกนะ ถ้านายเดินไปที่ภูเขาที่อยู่ทางตะวันออกนั่น ไกลจากนี่ประมาณสองไมล์ นายก็จะพบร้านอาหารที่น่ารักๆร้านหนึ่ง เดินไปทางนั้นน่ะ ที่ร้านอาหารนั่นจะมีน้ำอย่างที่นายต้องการ”

The Arab staggered away toward the hill and eventually disappeared. Four hours later the Arab came crawling back to where the Jewish man was sitting at his table. ชาวอาหรับจึงเดินโซซัดโซเชตรงไปยังภูเขานั้นจนลับสายตาไป สี่ชั่วโมงต่อมาชาวอาหรับก็คลานกลับมาที่ชาวยิวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของเขา

The Jew said, "I told you, about two miles over that hill. Could you not find it?
ชาวยิวพูดว่า “ ฉันได้บอกกับนายแล้วว่า มันอยู่ห่างจากนี่ไปสองไมล์ ที่ภูเขานั่นน่ะ นายหาไม่เจอหรือไง ?”

"I found it all right," rasped the Arab. "But your brother won't let me in without a tie."
ขาวอาหรับพูดตอบด้วยเสียงแหบห้าว “ ฉันเจอมันแล้วละ แต่น้องชายของนายไม่ยอมให้ฉันเข้าไปถ้าไม่ผูกไท”

Offend – ขุ่นเคือง
Offened(adj) ขุ่นเคือง - don’t get offened, don’t be offened

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 2


Once, there was a preacher who was an avid golfer. Every chance he could get, he would be on the golf course swinging away. It was an obsession. One Sunday was a picture-perfect day for golfing. The sun was out, no clouds were in the sky, and the temperature was just right.
ในกาลครั้งหนึ่ง มีนักเทศน์ผู้หนึ่งซึ่งชอบเล่นกอฟล์เป็นชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่มีโอกาส เขาจะต้องไปเล่นกอฟล์เสมอ เป็นประจำ ในวันอาทิตย์วันหนึ่ง เป็นวันที่เหมาะที่จะเล่นกอฟล์ที่สุด ไม่มีแดด ไม่มีเมฆในท้องฟ้า อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ

The preacher was in a quandary as to what to do, and shortly, the urge to play golf overcame him. He called an assistant to tell him that he was sick and could not do church, packed the car up, and drove 3 hours to a golf course where no one would recognize him. Happily, he began to play the course.
นักเทศน์รู้สึกลำบากใจว่าจะทำอย่างไรดี และในเวลาไม่นานนักความอยากเล่นกอฟล์ก็เป็นฝ่ายชนะ เขาเรียกผู้ช่วยมาบอกว่าให้บอกว่าเขาป่วยไม่สามารถไปโบสถ์ได้ แล้วเขาก็ขับรถไปสนามกอฟล์ที่อยู่ห่างไกลไปถึง 3 ชั่วโมงเพื่อที่จะได้ไม่มีใครจำเขาได้ แล้วเขาก็เริ่มเล่นกอฟล์อย่างมีความสุข

An angel up above was watching the preacher and was quite perturbed. He went to God and said, "Look at the preacher. He should be punished for what he is doing."
เทวดาเบื้องบนองค์หนึ่งได้เฝ้าดูนักบวชอย่างไม่สู้จะพอใจ เขาเข้าไปเฝ้าพระเจ้าและกล่าวว่า “ ดูนักเทศน์นั่นซิ เขาควรจะได้รับโทษในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่”

God nodded in agreement. The preacher teed up on the first hole. He swung at the ball, and it sailed effortlessly through the air and landed right in the cup 250 yards away. A picture-perfect hole-in-one. He was amazed and excited.
พระเจ้าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นักเทศน์ตั้งลูกสำหรับตีหลุมแรก เขาตีลูกกอฟล์อย่างไม่ต้องพยายามอะไรเลย ลูกกอฟล์ก็ลอยไปในอากาศและตกลงในหลุมที่อยู่ห่างออกไปถึง 250 หลา เป็นการตีลงหลุมในไม้เดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เขารู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นมาก

The angel was a little shocked. He turned to God and said, "I beg your pardon, but I thought you were going to punish him."
เทวดารู้สึกช๊อคไปบ้าง เขาหันมาพูดกับพระเจ้าว่า “ ขอประทานโทษครับ แต่ผมคิดว่าท่านกำลังจะลงโทษเขาเสียอีก”

God smiled. "Think about it-who can he tell?"
พระเจ้าทรงยิ้ม “ ก็ลองคิดดูซิ เขาจะไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังได้ (ใครเขาจะเชื่อเรื่องนี้)”

Avid - อยากมาก

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษวันละนิด ตอนที่ 1

resume (เรซูเม) กับ resume(รีซูม)


Resume (เรซูเม) - ประวัติย่อในการสมัครงาน

Resume อ่านว่า เร-ซู-เม เป็นภาษาอเมริกัน ที่มีรากศัพท์ มาจากภาษาฝรั่งเศส ดังนั้นถ้าจะเขียนให้ จริงๆ ต้องเขียนว่า Re'sume' ที่ตัว é ออกเสียง [เอ] ในขณะเดียวกันคำว่าเรซูเมมักนิยมพิมพ์ resume กันเพราะตัว é มันพิมพ์กันยาก ซึ่งอาจจะสับสนกับคำว่า resume (รีซูม) ที่แปลว่า กลับมาดังเดิม หรือกลับเข้า(ทำงาน)ใหม่ได้

คำอ่านของเรซูเม ถ้าสังเกตตัวสะกดคำว่า résumé (คนอเมริกัน จะอ่าน e ด้วยเสียง [อี] เป็นหลัก ซึ่งตรงข้ามกับทางยุโรปจะอ่าน e ด้วยเสียง [เอ] เป็นหลัก ซึ่งทำให้คำที่สะกดด้วย e เพี้ยนไปเป็น [อี] ซึ่งชาวอเมริกันอ่านผิดกันทั้งประเทศ จนกลายเป็นภาษาอังกฤษอเมริกันไปซะแล้ว อย่างเช่น

  • karaoke - อเมริกันชนอ่าน คาราโอคี ถ้าเราไปบอกเขาว่าอ่าน คาราโอเกะ เขาจะบอกว่าเราอ่านผิด
  • sake - อเมริกันชนอ่าน สาคี ซึ่งก็คือ สาเก ที่คนไทยเราอ่านกัน

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สัญญานเตือนโรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง

B lood Clots/Stroke - They Now Have a Fourth Indicator, the Tongueอาการบ่งชี้ตัวที่ 4 ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง



STROKE: Remember the 1st Three Letters.... S.T.R.
เส้นเลือดอุดตันในสมอง (Stroke) ให้จำไว้ว่า อักษร 3 ตัวแรกคือ S.T.R

A neurologist says that if he can get to a stroke victim within 3 hours he can totally reverse the effects of a stroke... totally . He said the trick was getting a stroke recognized, diagnosed, and then getting the patient medically cared for within 3 hours, which is tough.
แพทย์ด้านประสาทวิทยากล่าววา ถ้าแพทย์สามารถไปถึงตัวผู้ป่วยเส้นเลือดสมองอุดตันได้ภายใน 3 ชั่วโมง แพทย์จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แน่นอน ที่สำคัญก็คือต้องทราบว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคนี้ วินิจฉัยได้ได้ จากนั้นก็ให้การรักษาภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องจริงนั้นเป็นไปได้ยากอยู่

Sometimes symptoms of a stroke are difficult to identify. Unfortunately, the lack of awareness spells disaster.
The stroke victim may suffer severe brain damage when people nearby fail to recognize the symptoms of a stroke.
บางครั้งอาการของโรคเส้นเลือดสมองอุดตันก็เป็นการยากที่จะรู้กันได้ แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ การไม่รู้อาจหมายถึงหายนะได้ สมองผู้ป่วยอาจจะโดนทำลายอย่างรุนแรง แต่คนรอบข้างไม่ได้รู้เลยว่านี่คืออาการของเส้นเลือดสมองอุดตัน

Now doctors say a bystander can recognize a stroke by asking three simple questions:
หมอบอกว่า คนที่ยืนอยู่รอบข้างก็สามารถรู้อาการได้ โดยคำถาม 3 ข้อ ดังนี้

S *Ask the individual to SMILE.
S คือบอกให้ผู้ป่วย ยิ้ม

T *Ask the person to TALK and SPEAK A SIMPLE SENTENCE (Coherently)
(i.e.. It is sunny out today.)
T คือบอกให้ผู้ป่วยพูด โดยอาจจะเป็นประโยคง่ายๆ เช่น วันนี้อากาศดีนะ

R *Ask him or her to RAISE BOTH ARMS.
R คือบอกให้ผู้ป่วยยกแขนทั้งสองข้างขึ้น

If he or she has trouble with ANY ONE of these tasks, call emergency number immediately and describe the symptoms to the dispatcher.
ถ้าผู้ป่วยมีความลำบากในการทำข้อใดข้อหนึง ให้โทร.หาเบอร์ฉุกเฉินทันทีและแจ้งไปว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร

New Sign of a Stroke -------- Stick out Your Tongue
สัญญาณใหม่ของเส้นเลือดสมองอุดตัน -- แลบลิ้นออกมาดู

NOTE: Another 'sign' of a stroke is this: Ask the person to 'stick' out his tongue.. If the tongue is 'crooked', if it goes to one side or the other, that is also an indication of a stroke.
หมายเหตุ : สัญญาณอีกประการหนึ่งก็คือ ลองให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา หากลิ้นมีลักษณะม้วนงอ ตกไปด้านใดด้านหนึ่ง นั่นคือข้อบ่งชี้ว่ามีอาการเส้นเลือดสมองอุดตัน

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคยเป็นกันรึเปล่า

สุดมือก็ปล่อยมันไป

..................ไม่มีใครทำให้คนทุกคนรักเราได้.....................
.......อาจจะมีคนชอบในตัวเรา10คน แต่ก็มีคนเกลียดเรา100คน........
...............แคร์คนที่แคร์เรา ไม่แคร์คนที่ไม่แคร์เรา..............
..............มีมิตรแท้เพียงหนึ่ง ดีกว่ามีเพื่อนกินเป็น100.............



สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง “ปล่อยมันไป”

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป เพราะหากเรามัว แต่จะ“นับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา” เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่
(มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง)

ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง “ปล่อยมันไป”

เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว
อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด...แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ

เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้ ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

10 อันดับนักเตะที่เซ็กซี่ที่สุด

นิตยสารคอสโมโพลิแทน นิตยสารนานาชาติชื่อดัง เปิดเผย 10 อันดับนักเตะที่เซ็กซี่ที่สุด โดยจัดอันดับจากการโหวตจากหน้าตาที่หล่อเหล่าและหุ่นอันล้ำบึ้กสะกดใจสาวๆ ของบรรดานักเตะทั้งหลาย ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่ามีใครกันบ้าง



อันดับที่ 1 เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ นักเตะมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีวัย 24 ปี ที่กำลังเป็นความหวังใหม่ของทีมในศึกลูกหนัง 2010 นี้





อันดับที่ 2 คาร์ลอส โบคาเนกรา กองหลังกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกาวัย 31 ปี ที่โด่งดังเป็นพลุแตกในขณะนี้ เพราะไม่ใช่แค่จะเป็นนักเตะทีมชาติแล้ว คาร์ลอสยังเป็นนายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังของอเมริกาอีกด้วย




อันดับที่ 3 วาลอน เบห์รามี ปีกทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์วัย 25 ปี หนุ่มผู้มีรอยสักแสนเสน่ห์ ขวัญใจสาวพังค์ทั้งหลาย




อันดับที่ 4 คริสเตียโน โรนัลโด ปีกกัปตันทีมชาติโปรตุเกสวัย 25 ปี ที่ติดอันดับกับเค้าด้วยหน้าตาที่แสนจะหล่อเหลา และรูปร่างที่หล่อล่ำอย่าบอกใคร มีดีกรีเป็นถึงนายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังอีกคน




อันดับที่ 5 เธียร์รี อองรี นักเตะผิวสี กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 32 ปี ที่มีเสน่ห์ต่อสาว ๆ เอามาก ๆ โดยเฉพาะสาวผิวขาว เรียกว่าหนุ่มคนนี้ครองอันดับหนึ่งเลยทีเดียว




อันดับที่ 6 ลูคัส นีลล์ กองหลังกัปตันทีมชาติออสเตรเลียวัย 32 ปี อีกหนึ่งสุดยอดนักเตะที่มีดีกรีเป็นนายแบบชื่อดังที่มีรายได้สูงที่สุดในเมลเบิร์น




อันดับที่ 7 อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน ดาวยิงวัย 27 ปี กองหน้าจากฟิออเรนตินา ที่เรียกคะแนนจากสาว ๆ ได้ไม่น้อย




อันดับที่ 8 มาร์เทน สเทเคเลนเบิร์ก ผู้รักษาประตูทีมชาติฮอลแลนด์วัย 27 ปี มีดีกรีเป็นพรีเซ็นเตอร์อันดับ 1 ของแถบสแกนดิเนเวียเลยทีเดียว




อันดับที่ 9 กาก้า นักเตะดาวรุ่งเจ้าของลีลาการเตะขั้นเทพวัย 28 ปี ที่ตอนนี้กุมหัวใจสาว ๆ จากทั่วโลกไว้แล้ว และที่แน่ ๆ เวลานี้ ไม่มีสาวคนไหน ไม่รู้จักเขาเลย




อันดับที่ 10 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ นักเตะดาวรุ่งวัย 25 ปี ที่หล่อโดนใจสาว ๆ ไม่น้อยกว่านักเตะคนอื่น ๆ แถมยังเป็นที่จับตามองในศึกลูกหนังครั้งนี้อย่างมากมายเลยทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

This is Thailand‏

This is Thailand, Still nice to visit....

ห้วยน้ำดัง


ทะเลทรายเมืองไทย แม่น้ำโขง

ปากน้ำ ระนอง


ดอยหลวงเชียงดาว


ดอยแม่ตะมาน


ดอกพญาเสือโคร่งบานที่ ขุนช่างเคี่ยน


น้ำตกพรหมโลก นครศร๊ธรรมราช


น้ำตกบักเตว หรือ น้ำตกห้วยหลวง อุบลราชธานี


น้ำตกแสงจันทร์ อุบลราชธานี


ผาแต้ม

ทีลอซู ฤดูใบไม้ร่วง

พระธาตุกองมู แม่ฮ่อนสอน


สิมิลัน


น้ำตกเหวนรก เขาใหญ่


ปันหยี


แสงทอง เขื่อนรัชประภา : เขาสก


หอคอย เมืองสุพรรณบุรี

วัดโพธิ์
Rainbow at Baiyok sky